ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล
(Information
Processing Theory)
http://www.wijai48.com/learning_stye/learningprocess.htm
ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า
เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ
การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ ได้เป็นเวลานาน สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว
วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี
เช่น การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน
หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
http://sites.google.com/site/bookeclair/hk ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า
ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลผลข้อมูล เป็นทฤษฎีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
เกี่ยวกับการทำงานของสมองการทำงานของสมองมีความคล้ายคลึงกับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
คลอสเมียร์ (Klausmeier,1985:108) ได้อธิบายการเรียนรู้ของมนุษย์โดยเปรียบเทียบการทำงานของคอมพิวเตอร์กับการทำงานของสมอง
ซึ่งมีการทำงานเป็นขั้นตอนดังนี้ คือ
1.การรับข้อมูล (Input) โดยผ่านทางอุปกรณ์หรือเครื่องรับข้อมูล
2.การเข้ารหัส (Encoding) โดยอาศัยชุดคำสั่งหรือซอฟต์แวร์ (Software)
3.การส่งข้อมูลออก (Output) โดยผ่านทางอุปกรณ์
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=132965
ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า
ทฤษฎีประมวลสารหรือทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลผลข้อมูล
เป็นทฤษฎีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมองโดยเปรียบเทียบการทำงานของคอมพิวเตอร์กับการทำงานของสมอง
ซึ่งมีการทำงานเป็นขั้นตอนดังนี้ คือ
1. การรับข้อมูล (Input) โดยผ่านทางอุปกรณ์หรือเครื่องรับข้อมูล
2. การเข้ารหัส (Encoding) โดยอาศัยชุดคำสั่งหรือซอฟต์แวร์
(Software)
3. การส่งข้อมูลออก (Output) โดยผ่านทางอุปกรณ์
http://sites.google.com/site/bookeclair/hk ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า
การประมวลผลข้อมูลโดยเริ่มต้นจากการที่มนุษย์รับสิ่งเร้าเข้ามาทางประสาทสัมผัสทั้ง
5 สิ่งเร้าที่เข้ามาจะได้รับการบันทึกไว้ในความจำระยะสั้น
ซึ่งการบันทึกนี้จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 2 ประการ คือ
การรู้จัก(Recognition) และความสนใจ (Atention) ของบุคคลที่รับสิ่งเร้า บุคคลจะเลือกรับสิ่งเร้าที่ตนรู้จักหรือมีความสนใจ
สิ่งเร้านั้นจะได้รับการบันทึกลงในความจำระยะสั้น (Short-Term Memory) ซึ่งดำรงคงอยู่ในระยะเวลาที่จำกัดมาก แต่ละบุคคลมีความสามารถในการจำระยะสั้นที่จำกัด
ในการทำงานที่จะเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้ใช้ชั่วคราว อาจจำเป็นต้องใช้เทคนิคต่าง ๆ
ในการจำช่วย เช่น การจัดกลุ่มคำ หรือการท่องซ้ำ ๆ
ซึ่งจะสามารถช่วยให้จดจำไว้ใช้งานได้
http://dontong52.blogspot.comได้รวบรวมแล้วกล่าวถึงทฤษฎีนี้ว่า ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล
เป็นทฤษฎีที่สนใจเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฎีนี้เริ่มตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1950 จนถึงปัจจุบัน คลอสเมียร์ ได้อธิบายการเรียนรู้ของมนุษย์
โดยเปรียบเทียบการทำงานของคอมพิวเตอร์กับการทำงานของสมอง
ศูนย์เครือข่ายพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
สพป. อุตรดิตถ์ เขต2 [ทฤษฎีการเรียนรู้]http://www.neric-club.com
ได้รวบรวมไว้ว่าทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล(Information
Processing Theory) เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้
เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน
สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ ได้เป็นเวลานาน
สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว
วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน
หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ ( http://www.learners.in.th) ได้รวบรวมไว้ว่าทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล(Information
Processing Theory) เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์
บริหารการศึกษา กลุ่มดอนทอง52 (http://dontong52.blogspot.com/)
ได้รวบรวมไว้ว่าทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลความรู้ (information
Processing Theory)เป็นทฤษฎีที่สนใจเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฎีนี้เริ่มตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1950
จนถึงปัจจุบัน คลอสเมียร์ ได้อธิบายการเรียนรู้ของมนุษย์ โดยเปรียบเทียบการทำงานของคอมพิวเตอร์
กับการทำงานของสมองของมนุษย์ การรู้คิด หรือ เมอทคอคนิชัน (matacognition) ประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับบุคคล งาน และกลวิธี
(http://www.niteslink.net/web/?name=webboard&file=read&id=7
) เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า
การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ
การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น
จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน
สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ
ได้เป็นเวลานาน สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว
วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
(http://sites.google.com/site/bookeclair/hk
)การทำงานของสมองมีความคล้ายคลึงกับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์คลอสเมียร์
(Klausmeier,1985:108) ได้อธิบายการเรียนรู้ของมนุษย์โดยเปรียบเทียบการทำงานของคอมพิวเตอร์กับการทำงานของสมอง
ซึ่งมีการทำงานเป็นขั้นตอนดังนี้ คือ
1.การรับข้อมูล (Input) โดยผ่านทางอุปกรณ์หรือเครื่องรับข้อมูล
2.การเข้ารหัส (Encoding) โดยอาศัยชุดคำสั่งหรือซอฟต์แวร์
(Software)
3.การส่งข้อมูลออก (Output) โดยผ่านทางอุปกรณ์
ทิศนา
แขมมณี (2550:105) กล่าวไว้ว่า
ผู้รวบรวม Klausmeier คลอสเมียร์ อธิบายไว้ว่า
กระบวนการประมวลข้อมูลจะเริ่มต้นจากการที่มนุษย์
รับสิ่งเร้าเข้ามาทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 สิ่งเร้าที่เข้ามาจะได้รับการบันทึกไว้ในความจำระยะสั้น
ซึ่งบันทึก
นี้จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 2 ประการคือ การรู้จัก
และความเอาใจใส่
ของบุคคลที่รับสิ่งเร้าที่ตนรู้จักหรือมีความสนใจสิ่งเร้านั้นจะได้รับการ
บันทึกลงในความจำระยะสั้น (short-termmemory) ความจำจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่แสดงออกมา
วุทธิศักดิ์
โภชนุกูล (http://www.pochanukul.com/?p=154) กล่าวไว้ว่า
1.การทำงานของสมองมนุษย์ มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์
ซึ่งมีการทำงาน
3 ขั้นตอนคือ
การรับข้อมูล (input) การเข้ารหัส
(encoding) และการส่งข้อมูลออก (output)
2.มนุษย์รับสิ่งเร้าเข้ามาทางประสาทสัมผัสทั้ง 5
3.สิ่งเร้าที่เข้ามาจะถูกบันทึกในความจำระยะสั้นหรือไม่
ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 2 ประการคือการรู้จัก(recognition) และ ความใส่ใจ(attention)
4.บุคคลจะเลือกสิ่งเร้าที่ตนรู้จักและมีความสนใจ
แล้วบันทึกลงในความจำระยะสั้น (Short-term memory) ซึ่งบุคคลส่วนใหญ่จะจำได้เพียงครั้งละ 7 (+2, -2) อย่างเท่านั้น และต้องใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เกิดการจำ เช่น
การจัดกลุ่มคำ การท่องซ้ำ ๆ
5.ข้อมูลจะได้รับการประมวลและเปลี่ยนรูปโดยการเข้ารหัส (encoding) เพื่อนำไปเก็บไว้ในความจำระยะยาว (long-term memory) ซึ่ง อาจต้องใช้เทคนิคต่าง ๆ เข้ามาช่วย เช่น การท้องซ้ำ ๆ
การทำให้ข้อมูลมีความหมายกับตนเอง
การสร้างความสัมพันธ์สิ่งที่เรียนรู้ใหม่กับความรู้เดิม
6.ความจำระยะยาวมี 2 ชนิดคือ
ความจำที่เกี่ยวกับภาษา (semantic) และความจำที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ (episodic) หรืออาจแบ่งได้เป็น
ความจำประเภทกลไกที่เคลื่อนไหว (motoric memory) และ
ความจำประเภทอารมณ์ ความรู้สึก (affective memory)
7.การเรียกข้อมูลออกมาใช้ บุคคลจำเป็นต้องถอดรหัสข้อมูล (decoding) จากความจำระยะยาว และส่งต่อไปสู่ตัวก่อพฤติกรรมตอบสนอง
ปริวัตร เขื่อนแก้ว (http://www.wijai48.com/learning_stye/learningprocess.htm) กล่าวไว้ว่า เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ ได้เป็นเวลานาน สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
เทอดชัย บัวผาย http://www.niteslink.net/web/?name=webboard&file=read&id=7 กล่าวว่า เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ
การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น
จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย
หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ ได้เป็นเวลานาน
สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส (encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว
วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน
หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
บริหารการศึกษา
กลุ่มดอนทอง52 http://dontong52.blogspot.com/ กล่าวว่า
ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล
เป็นทฤษฎีที่สนใจเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฎีนี้เริ่มตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1950
จนถึงปัจจุบัน
คลอสเมียร์ (Klausmeier,1985:105)
ได้อธิบายการประมวลผลข้อมูลโดยเริ่มต้นจากการที่มนุษย์รับสิ่งเร้าเข้ามาทางประสาทสัมผัสทั้ง
5 สิ่งเร้าที่เข้ามาจะได้รับการบันทึกไว้ในความจำระยะสั้น ซึ่งการบันทึกนี้จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ
2 ประการ คือ การรู้จัก(Recognition) และความสนใจ (Atention) ของบุคคลที่รับสิ่งเร้า
บุคคลจะเลือกรับสิ่งเร้าที่ตนรู้จักหรือมีความสนใจ
สิ่งเร้านั้นจะได้รับการบันทึกลงในความจำระยะสั้น (Short-Term Memory)ซึ่ง ดำรงคงอยู่ในระยะเวลาที่จำกัดมาก
แต่ละบุคคลมีความสามารถในการจำระยะสั้นที่จำกัด
ในการทำงานที่จะเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้ใช้ชั่วคราว อาจจำเป็นต้องใช้เทคนิคต่าง ๆ
ในการจำช่วย เช่น การจัดกลุ่มคำ หรือการท่องซ้ำ ๆ
ซึ่งจะสามารถช่วยให้จดจำไว้ใช้งานได้
Eggen and Kuachak (1997:260) กล่าวไว้ว่า
กระบานการทางสมองในการประมวลข้อมูลเรียบเทียบได้กับคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมสั่งงาน
การบริหารควบคุมการประมวลของสมองก้คือการที่บุคคลรู้ถึงการคิดของตนและสามารถควบคุมได้ลักษณะนี้เรียกว่า
การรู้คิด องค์ประกอบสำคัญของการรู้คิดที่ใช้ในการควบคุมกระบวนการประมวลข้อมูลประกอบด้วยแรงจูงใจ
ความตั้งใจ และความมุ่งหวังต่างๆ
Garofalo and Lester (1985:163-176) กล่าวไว้ว่า
การตระหนักรู้จะนำไปสู่การคิดหากลวิธีต่างๆที่จะมาช่วยให้ตนจดจำในสิ่งที่เรียนได้ดี
เช่น การท่องจำ การจดบันทึก และการใช้เทคนิคคช่วยจำอื่นๆ เช่นการจำตัวย่อ
การทำรหัส การเชื่อมโยงในสิ่งที่สัมพันธ์กัน
ความรู้ในเชิงเมตาคอคนิชันมักจะประกอบไปด้วยความรู้เกี่ยวกับบุคคล งาน และกลวิธี
www.kroobannok.com/39841 กล่าว ถึง การปฏิวัติการเรียนการสอนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติได้ดำเนิน
โครงการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ซึงมีศาสตราจารย์กิตติคุณสุมน
อมรวิวัฒน์เป็นที่ปรึกษาโดยแบ่งเป็น 5 โครงการย่อยซึ่งสอดคล้อง
สุมน อมรวิวัฒน์ (2541 : 5) ได้กล่าวถึงแนวคิดใหม่ของการเรียนรู้
ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานของกระบวนการเรียนการสอนว่า แก่นแท้ของการเรียนการสอน คือ การเรียนรู้ของผู้เรียนการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกแห่งทุกเวลาต่อเนื่องยาว
นานตลอดชีวิต ศรัทธาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการเรียนรู้ผู้เรียน ผู้เรียนเรียนรู้ได้ดีจากการสัมผัสและสัมพันธ์สาระที่สมดุลเกิดขึ้นจากการ
เรียนรู้ คือ ความรู้ ความคิด ความสามารถและความดีข้อความข้างต้นคือ ที่มาของทฤษฎีการเรียนรู้
5 ทฤษฎี ที่ศูนย์พัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
ได้จัดทำขึ้นโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทฤษฎีมาจัดสาระและกระบวนการ เพื่อนำเสนอแก่ศึกษานิเทศก์
ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้สอน ทฤษฎีการเรียนรู้
http://corino.multiply.com/journal/item/1 ได้รวบรวมไว้ว่า ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล(Information
Processing Theory) เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า
การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้
คือ
การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น
จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน
สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ
ได้เป็นเวลานาน สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding)เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว
วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน
หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
ศน.หลักสูตรและการสอน
( http://www.niteslink.net/web/?name=webboard&file=read&id=7 ) รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฎีบทนี้ว่า แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ
ความรู้มีหลายประเภท บางประเภทสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้ความคิดที่ลึกซึ้ง
บางประเภทมีความซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ความสามารถในขั้นสูง
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ
การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายากมีทั้งหมด 9 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ(Gaining attention)
ขั้นที่ 2 แจ้งจุดประสงค์(Informing the learning)
ขั้นที่ 3 กระตุ้นให้ผู้เรียนระลึกถึงความรู้เดิมที่จำเป็น(Stimulating
recall of prerequisite learned capabilities)
ขั้นที่ 4 เสนอบทเรียนใหม่(Presenting the stimulus)
ขั้นที่ 5 ให้แนวทางการเรียนรู้(Providing learning guidance)
ขั้นที่ 6 ให้ลงมือปฏิบัติ(Eliciting the performance)
ขั้นที่ 7 ให้ข้อมูลป้อนกลับ(Feedback)
ขั้นที่ 8 ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์(Assessing the
performance)
ขั้นที่ 9 ส่งเสริมความแม่นยำและการถ่ายโอนการเรียนรู้(Enhancing retention
and transfer) "
(http://e-book.ram.edu/e-book/s/SE742/chapter3.pdf )ได้รวบรวมและกล่าวถึง
ทฤษฏีนี้ว่าเป็นการศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
ด้านการทางานของสมองโดยมีแนวคิดว่าการทางานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์
มีทฤษฏีการเรียนรู้ และการประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ Klausmeier กล่าวว่าสมองของมนุษย์สามารถเรียนรู้ได้เหมือนการทางานของคอมพิวเตอร์
โดยมีขั้นตอนการทางาน 3 ขั้นตอนดังนี้
1.
การรับข้อมูล (input) โดยผ่านทางอุปกรณ์หรือเครื่องรับข้อมูล
กระบวนการประมวลข้อมูลเริ่มต้นจากการที่มนุษย์รับสิ่งเร้าเข้ามาทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 สิ่งเร้าที่เข้ามาจะได้รับการบันทึกไว้ในความจาระยะสั้น
ซึ่งการบันทึกนี้จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 2 ประการ คือ
การรู้จัก (recognition) และ ความใส่ใจ (attention) ของบุคคลที่รับสิ่งเร้า สิ่งเร้านั้นจะได้รับการบันทึกลงในความจาระยะสั้น
(short – term memory) ซึ่งจะอยู่ในระยะเวลาที่จากัด ในการทางานที่จาเป็น
ต้องเก็บข้อมูลไว้ใช้ชั่วคราว อาจจาเป็นต้องใช้เทคนิคต่างๆในการช่วยจา เช่น
การจัดกลุ่มคาหรือการท่องซ้ำๆซึ่งจะช่วยให้จาได้
2. การเข้ารหัส
(encoding) ทาได้โดยอาศัยชุดคาสั่ง หรือซอฟแวร์ (software)
การเก็บข้อมูลไว้ใช้ในภายหลัง
ทาได้โดยข้อมูลนั้นต้องได้รับการประมวล และเปลี่ยนรูปโดยการเข้ารหัส
เพื่อนาไปเก็บไว้ในความจาระยะยาว
(long – term memory) ซึ่งอาจต้องใช้เทคนิคต่างๆเข้าช่วย เช่น
การทาข้อมูลให้มีความหมายกับตนเอง
โดยการสัมพันธ์สิ่งที่เรียนรู้ใหม่กับสิ่งเก่าที่เคยเรียนรู้มาก่อน
ซึ่งเรียกว่าเป็นกระบวนการขยายความคิด (elaborative operations process)
ความจาระยะยาวมี 2 ชนิด คือ
ความจาที่เกี่ยวกับภาษา (semantic) และความจาที่เกี่ยวกับเหตุการณ์
(episodic)
ความจาระยะยาวมี 2 ประเภท คือ
ความจาประเภทกลไกที่เคลื่อนไหว (motoric memory) หรือ
ความจาประเภทอารมณ์ ความรู้สึก (affective memory)
3. การส่งข้อมูลออก
(output) ทาได้โดยผ่านทางอุปกรณ์
เมื่อข้อมูลได้รับการบันทึกไว้
ในความจาระยะยาวแล้วบุคคลจะสามารถเรียกข้อมูลต่างๆออกมาใช้ได้
การเรียกข้อมูลออกมาใช้ บุคคลต้องถอดรหัสข้อมูล (decoding) จากความจาระยะยาวนั้น และส่งผลต่อไปสู่ตัวก่อกำเนิดพฤติกรรมตอบสนอง
ซึ่งจะเป็นแรงขับหรือกระตุ้นให้บุคคลมีการเคลื่อนไหวหรือการพูด
สนองตอบต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ
สรุป
ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล
เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง
คือทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่าการทำงานของสมองของมนุษย์ก็เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์
เมื่อมนุษย์ได้รับข้อมูลจากสิ่งเร้าเข้ามาทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 และสมองก็จะประมวลผลของข้อมูลแล้วแสดงออกมาทางพฤติกรรม คำพูด เป็นต้น “ ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล”
ทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า
การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ
การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น
จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน
สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย
หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ
ได้เป็นเวลานาน สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
อ้างอิง
ทิศนา
แขมมณี (2553) .ศาสตร์การสอน:องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.กรุงเทพฯ
http://www.wijai48.com/learning stye/learningprocess.htm
(ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 http://sites.google.com/site/bookeclair/hk (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555
http://www.learners.in.th/blog/natchakan/386486. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555
http://dontong52.blogspot.com. เข้าถึงเมื่อวันที่
25 กรกฎาคม 2555
http://www.niteslink.net/web/?name=webboard&file=read&id=7. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555
http://www.learners.in.th เข้าถึงเมื่อวันที่ 5เดือนสิงหาคม พ.ศ . 2555
ปริวัตร เขื่อนแก้ว http://www.wijai48.com/learning_stye/learningprocess.htm
เข้าถึงเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม
2555
ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ.: http://www.learners.in.th/blog/natchakan/386486 เข้าถึงเมื่อวันที่
22 กรกฎาคม 2555
วุทธิศักดิ์ โภชนุกูล (http://www.pochanukul.com/?p=154) (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อวันที่ 10กรกฎาคม 2555
ที่มาhttp://jankhuk.exteen.com/20090619/entryเข้าถึงเมื่อวันที่ 7กรกฎาคม 2554
ที่มา www.คืออะไร.comเข้าถึงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น